เนื่องจากการขั้นตอนการทำฐานรากของอาคาร ต้องคำนึงถึงความมั่นคงแข็งแรงเป็นสำคัญ ซึ่งแต่ละพื้นที่ก่อสร้างมีลักษณะของชั้นดินที่มีความแตกต่างกัน และการควบคุมคุณภาพในการก่อสร้างหน้างาน ก็มักมีปัจจัยที่แตกต่างกันไป ส่งผลถึงคุณภาพในการทำเข็มเจาะหรือเข็มตอกได้ ดังนั้นการทดสอบเสาเข็ม จึงมีความจำเป็นมาก ซึ่งมีทั้งการทดสอบความสมบูรณ์ของเสาเข็ม และการประเมินการรับน้ำหนักของเสาเข็ม ที่เพื่อช่วยประเมินความเสียหายเบื้องต้นของเสาเข็มที่ติดตั้งลึกลงไปในชั้นดินที่เรามองไม่เห็น จะทำให้ทราบได้ว่าเสาเข็มเกิดความบกพร่อง ทำให้สามารถแก้ไขได้ทันท่วงที สามารถประหยัดค่าใช้จ่ายในการแก้ไขงานทีหลัง ซึ่งการทดสอบนี้สามารถทำได้รวดเร็ว และราคาไม่แพง
การทดสอบความความสมบูรณ์ของเสาเข็มโดยวิธี seismic integrity test (low strain impact integrity test) ตามมาตรฐาน ASTM D 5882-07 มีวัตถุประสงค์เพื่อตรวจสอบว่า เสาเข็มที่ทำการติดตั้งด้วยวิธีการตอกหรือเจาะมีความสมบูรณ์ต่อเนื่องของเนื้อคอนกรีตตามมาตรฐานการก่อสร้างหรือไม่ ซึ่งทำให้ทราบได้ว่าเสาเข็มเกิดความบกพร่อง เช่น หัก คอด ร้าว หรือมีสภาพสมบูรณ์ การทดสอบนี้เป็นการทดสอบที่สะดวก และรวดเร็ว เสียค่าใช้จ่ายต่ำ
เครื่องมือทดสอบ
เครื่องวัดสัญญาณและแปลงสัญญาณ DAQ ที่มีรายละเอียด 24 บิต ความถี่ในการตรวจวัดข้อมูล 48,600 เฮิรตซ์ และเก็บบันทึกข้อมูล ขนาด 24.8×16.4×3.8 เซนติเมตร มีน้ำหนัก 2.3 กิโลกรัม
เซ็นเซอร์วัดคลื่นสัญญาณที่สะท้อนขึ้นมาจากการเคาะเสาเข็ม โดยมีความถี่ resonance ที่ 32 กิโลเฮิร์ต และมีความเร่งในช่วง – 50 g ถึง +50g (Calibrate วันที่ 11/4/2562)
ค้อนทดสอบหัวเหล็กที่หุ้มด้วยวัสดุ Celidor น้ำหนักประมาณ 625 กรัม ทำหน้าที่เป็นอุปกรณ์กำเนิดคลื่นความเค้นกระแทรก (impact strain)
โปรแกรมที่ใช้ในการวิเคราะห์ความสมบูรณ์ของเสาเข็มโดยใช้ข้อมูลจากเซ็นเซอร์ในรูปแบบของกราฟ
การเตรียมการทดสอบ
1.ทำการขุดเปิดหน้าดินจนกระทั่งพบหัวเข็ม
2.ทำการสกัดเนื้อคอนกรีตส่วนที่เสียบนหัวเสาเข็มที่จะทำการทดสอบ จนถึงเนื้อคอนกรีตที่ดี
3.ทำการขัดและทำความสะอาดผิวหัวเสาเข็มคอนกรีตที่จะทดการทดสอบด้วยน้ำสะอาดจนมั่นใจว่าปราศจากเศษเนื้อปูนหรือดินก่อนทำการทดสอบ
4.ทำการติดตั้ง เซ็นเซอร์ตรวจวัดความเร่ง (Accelerometer sensor) บนเนื้อคอนกรีตที่ดีบนหัวเสาเข็มโดยใช้ดินน้ำมันยึดให้แน่น
รูปการติดตั้งเซ็นเซอร์และการทดสอบความสมบูรณ์ของเสาเข็ม
วิธีการทดสอบ
รายงานแสดงผลการทดสอบแนบประกอบด้วย
ขอบข่ายและลักษณะการเตรียมงาน
การทดสอบวิธีนี้เป็นการทดสอบเพื่อประเมินการรับน้ำหนักของเสาเข็ม โดยเป็นการทดสอบแบบวิธี Restrike โดยใช้การวัดค่าแรง ( Force ) และความเร็ว ( Velocity ) จากสัญญาณสะท้อนคลื่นความเค้น ( Stress Wave ) ขณะที่มีการกระแทกของลูกตุ้มเหล็กกระแทก แล้วประเมินกำลังรับน้ำหนักด้วยวิธี Case Method และด้วยโปรแกรม Case Pile Wave Analysis Program Continuous Method ( CAPWAP ) โดยใช้มาตรฐานการทดสอบ ASTM D 4945-96
เครื่องมือและอุปกรณ์ทดสอบ
วิธีการทดสอบ
การทดสอบเสาเข็มทำการขุดเปิดหัวเสาเข็มให้ได้ระดับความลึกประมาณ 0.60 เมตร กรณีหัวเสาเข็มทดสอบอยู่ต่ำกว่าระดับดิน สภาพเนื้อคอนกรีตตั้งแต่ระดับหัวเสาเข็มถึงระดับหัวเสาเข็มที่ขุดเปิดต้องมีสภาพเนื้อคอนกรีตที่ดี จากนั้นทำการติดตั้งตัวสัญญาณคือ Strain Transducers และ Accelerometer Transducers 2 ด้านตรงข้ามกัน อย่างละ 1 ชุด ที่ผิวด้านข้างของเสาเข็มที่มีความเรียบเสมอกันทั้งผิว พร้อมปรับ Calibrate เครื่องมือทดสอบ การทดสอบ การทดสอบใช้ปั้นจั่นโครง หรือรถตอกเสาเข็ม ยกตุ้มเหล็กน้ำหนักขนาด 4.0 – 5.0 หรือตามเหมาะสม กระแทกลงบนหัวเสาเข็มทดสอบ ระยะยกทิ้งตุ้มทดสอบสูงประมาณ 0.30 เมตร เพื่อปรับศูนย์กลางทิ้งตุ้มน้ำหนัก จากนั้นทำการยกทดสอบพฤติกรรมของเสาเข็มทดสอบระยะประมาณ 0.30 – 0.50 เมตร หรือตามความเหมาะสมของแต่ละหน้างานทดสอบ ทดสอบประมาณ 2 – 3 ครั้ง/ต้น โดยปล่อยกระแทกอิสระลงบนหัวเสาเข็มซึ่งปูรองด้วยหมวกครอบหัวเสาเข็ม เพื่อลดแรงกระแทกจากตุ้มน้ำหนักป้องกันความเสียหายของเนื้อคอนกรีต
ผลการทดสอบ
เก็บสัญญาณที่เกิดขึ้นขณะทำการทดสอบในภาคสนามด้วยเครื่องมือ Pile Driving Analyzer Equipment ด้วยโปรแกรม PDA ตรวจสอบความถูกต้องของสัญญาณที่เกิดขึ้น นำสัญญาณที่ได้ทำการวิเคราะห์ด้วยโปรแกรม CAPWAP เพื่อคำนวณค่ากำลังรับน้ำหนักบรรทุกของเสาเข็มที่ถูกต้องต่อไป
รายงานแสดงผลการทดสอบแนบประกอบด้วย
เครื่องมือทดสอบนี้เป็นลิขสิทธิ์ของ PILE DYNAMICS INC., 4535 RENAISSANCE PARKWAY, CLEVELAND, OHIO 44128 U.S.A
ขอบข่ายและลักษณะการเตรียมงาน
แบบ Restrike Test
และจัดเตรียมไฟฟ้าใช้สำหรับทำการติดตั้งและทดสอบ
กรณีเสาเข็มต่ำกว่าระดับดินปัจจุบัน บริเวณทดสอบควรแห้งสะอาด
– ค่าทรุดตัวในแต่ละครั้งเกินกว่า 12 มิลลิเมตร
– สภาพหัวเสาเข็มทดสอบ หรือ PILE CAP เสียหาย
– ได้ค่าน้ำหนักบรรทุกทดสอบสูงสุดตามที่กำหนดให้ ก่อนทำการทดสอบ
รูปการติดตั้งเซ็นเซอร์และการทดสอบ DYNAMIC LOAD TEST
วิศวกรผู้ออกแบบได้กำหนดให้ทำการทดสอบกำลังรับน้ำหนักบรรทุกทดสอบของเสาเข็ม โดยทดสอบตามมาตรฐาน หัวข้อ “STANDARD LOADING PROCEDURE” MODIFIED ASTM D 1143 – 81 มีน้ำหนักทดสอบสูงสุด (ULTIMATE LOAD) คิดเป็น 250% ของน้ำหนักบรรทุกออกแบบปลอดภัย (SAFETY LOAD) การทดสอบใช้แม่แรงไฮโดรลิคเป็นเครื่องมือเพิ่มน้ำหนักโดยดันกับโครงเหล็กที่ถูกยึดตรึงแน่นกับเสาสมอจำนวน 4 – 6 ต้น พร้อมเหล็กเสริมพิเศษ / ชุดทดสอบดังรายละเอียดดังต่อไปนี้
เครื่องมือและอุปกรณ์ทดสอบ
ทำปฎิกิริยากับเสาเข็มสมอ 4 – 6 ต้น พร้อมเหล็กเสริมพิเศษในสมอ
พร้อม Pressure Gauge จำนวน 1 ชุด วางบนหัวเสาเข็มทดสอบเพื่อเพิ่ม
น้ำหนักทดสอบดันกับคานเหล็กปฎิกิริยา ผ่านการทดสอบความถูกต้องจาก
จุฬาลงกรณ์ มหาวิทยาลัย ภาควิชาวิศวกรรมโยธา
แรงแนวดิ่ง
วิธีการทดสอบ
ดำเนินการทดสอบตามมาตรฐาน Modified ASTM D 1143 – 81 หัวข้อ “Standard Loading Procedure” การเพิ่มและการลดน้ำหนักทดสอบให้กระทำเป็นเปอร์เซ็นต์ของน้ำหนักบรรทุกการออกแบบตามขั้นตอนดังต่อไปนี้
รอบที่ 1 : 0% —– 25% —– 50% —– 75% —– 100% ( * ) —- 50% —- 0% ( *** )
รอบที่ 2 : 0% —– 25% —– 50% —– 75% —– 100% —– 125% —– 150% —– 175%
200% —– 225% —– 250% ( ** ) —- 200% —- 150% —- 100% —- 50% —- 0% (***)
ผลการทดสอบ
รายงานผลการทดสอบประกอบด้วย
ขอบข่ายและลักษณะการเตรียมงาน
รูปการติดตั้งการทดสอบ STATIC LOAD TEST